“นี่จบนิติศาสตร์มาจริงหรือ?” เป็นคำถามที่ผมได้รับจากลูกค้าและอีกหลายคนที่เพิ่งรู้จักครับ ผมเป็นหนึ่งในบุคคลที่เรียนจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รหัส 48 ได้รับตั๋วทนายรุ่นที่ 32 (จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ไปขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตว่าความเลยครับ) และเนติบัณฑิตไทยสมัยที่ 64 แต่หน้าที่การงานของผมนั้นเรียกได้ว่า ไม่ตรงกับที่ศึกษาเล่าเรียนมาเลยครับ ผมได้รับการติดต่อแกมบังคับจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพร โพธิ์พัฒนชัย ให้เขียนบทความเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ครับ

จุดเริ่มต้นของงานที่ผมทำในปัจจุบันนั้น อาจต้องขอย้อนไปในช่วงรอรับปริญญาและช่วงเรียนต่อเนติฯ ครับ โดยเริ่มจากการตอบอีเมลภาษาอังกฤษเพียงแค่ฉบับเดียวเท่านั้น ทำให้ตัดสินใจเบนเข็มออกจากสายอาชีพทางกฎหมายเลยครับ ทีแรกจากที่คิดว่าทำเพื่อหาเงินค่าขนมและเพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิต กลายเป็นว่าค่อย ๆ ขยายงานทีละนิดจนกลายเป็นอาชีพที่พอเลี้ยงตัวเองได้ (ไม่ถึงกับร่ำรวยเหมือนคนอื่นเขาครับ) โดยปัจจุบันผมทำอาชีพหลักคือ ทำงานเบื้องหลังที่เกี่ยวกับตกแต่งสถานที่สำหรับงานแต่ง (Wedding Decoration) และเป็นทีมสนับสนุน Wedding Planner ในด้านงานโครงสร้างและงานตกแต่งดอกไม้ครับ โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของผมมักจะมาจากการแนะนำแบบปากต่อปากจากลูกค้าเก่าอีกทีครับ และมีบางงานผมก็ดูแลคู่บ่าวสาวเสมือนเป็น Wedding Planner ซึ่งผมจะเรียกว่างานเบื้องหน้าครับ แต่ขอรับทำเป็นกรณีไป เพราะชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่าครับ

เนื่องด้วยอาชีพของผมเป็นอาชีพที่ต้องพบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา อีกทั้งยังเป็นอาชีพที่ค่อนข้างเสมือนเป็นที่ปรึกษา เพราะต้องทำหน้าที่วางแผนและคิดแผนสำรองเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน ประกอบกับเมื่อถึงวันงานต้องมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นเพื่อทำให้งานสำเร็จลุล่วงเรียบร้อยมากที่สุด จากการที่ผมและคู่บ่าวสาวได้ผ่านช่วงเวลาที่ทั้งสุขและเศร้า (บางทีก็ต้องคอยปลอบเจ้าสาวหลาย ๆ คนในช่วงเตรียมงานซึ่งผมจะเตือนคู่บ่าวสาวหลายคู่ว่านี่คือช่วงมรสุมเบื้องต้น) จนทำให้ผมได้มีโอกาสและได้รับความไว้วางใจจากคู่บ่าวสาวหลายคู่ให้ช่วยดูแลเรื่องอื่นนอกเหนือจากเรื่องการวางแผนงานแต่งงานครับ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยซื้อของ ช่วยเลือกของจัดทริปท่องเที่ยว จองที่พัก จองร้านอาหาร สอบถามเส้นทาง การจัดหาหมอดูและกระบวนการมูเตลู ไปจนถึงซื้อกองทุน เรียกว่าเราดูแลท่านเหมือนเป็นเพื่อนคู่คิดคนนึงเลยครับ ลูกค้าหลายคู่เรียกผมว่า Wedding Partner หรือบางคู่ก็เรียก My Google แทนแล้วครับ เพราะเป็นเหมือนเพื่อนมากกว่าเป็นคู่ค้าไปแล้ว และลูกค้ามักจะแซวว่า เวลาคิดอะไรไม่ออก นึกอะไรไม่ได้ โทรหาผม เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องนั้นแทนพวกเขาเอง

แต่เพราะชีวิตคู่ในชีวิตจริงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ดังนั้น มันมักจะมีเรื่องของชีวิตคู่ภายหลังการแต่งงานเข้ามาเกี่ยวข้อง นี่แหละครับเป็นเหตุให้ได้ใช้ความรู้ทางกฎหมายที่เรียนมา นำมาใช้ในทางปฏิบัติโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะตอนแรกที่ทำงานด้านนี้ ผมตั้งใจว่างานของผมเสร็จสิ้นในวันจัดงานของคู่บ่าวสาว ทีนี้พอทุกคนรู้ว่าผมจบทางสายกฎหมายมาก็เริ่มจากการมาปรึกษาปัญหากฎหมายเริ่มจากเรื่องง่ายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ก็มี จากนั้นก็กลายเป็นว่าพอหลังแต่งงาน ก็มีบ่าวสาวหลายคู่ให้เข้ามาช่วยจัดระเบียบและจัดการเรื่องอื่นของทั้งคู่ด้วยครับ

เรื่องที่คู่บ่าวสาวให้ช่วยจัดการก็จะเป็นเรื่องสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินก่อนสมรส เรื่องเหตุแห่งการสิ้นสุดการสมรส (หย่า) และสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ไปจนถึงเรื่องการวางแผนพินัยกรรม เรียกได้ว่าดูแลตั้งแต่ก่อนแต่ง หลังแต่ง และจนตายกันไปข้างนึงเลยครับ ดังนั้น กลายเป็นว่าได้นำความรู้ที่เคยร่ำเรียนกลับมาใช้ใหม่โดยไม่ได้ตั้งใจ โชคดีของผมที่ยังไม่ได้นำความรู้เหล่านั้นคืนครูบาอาจารย์ไปทั้งหมดครับ ผมจะให้คำแนะนำเบื้องต้นและจะส่งต่อไปยังกลุ่มเพื่อนที่เชี่ยวชาญทางกฎหมายมารับช่วงและดำเนินการต่อครับ ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานโดยตรงในทางสายกฎหมายแต่ก็พอทราบว่าเพื่อนในรุ่นคนไหนที่ทำงานสายกฎหมายและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในเรื่องใดครับ

สำหรับท่านผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ อย่างน้อยท่านก็อุ่นใจได้เลยครับว่า การที่ท่านตัดสินใจมาเรียนที่คณะนิติศาสตร์นั้น ท่านตัดสินใจไม่ผิดหรอกครับ เพราะในท้ายที่สุดความรู้ที่ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนจะได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันของท่านอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอนครับ ต้องกราบขอบพระคุณอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ทุกท่านที่ได้ปลูกฝังตรรกะความคิดโดยเน้นการคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุและผลมากกว่าการท่องจำ ทำให้องค์ความรู้และหลักกฎหมายซึมซับติดตัวของเราเรื่อยไปครับ เมื่อวันนึงที่เราต้องการดึงมาใช้ ก็แค่นำความรู้เหล่านั้นมาปัดฝุ่นและอัปเดตให้ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันแค่นั้นเองครับ